ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี ไกด์ไลน์เลือกครีมสำหรับผิวบอบบาง

ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี ไกด์ไลน์เลือกครีมสำหรับผิวบอบบาง

ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี? สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง มักเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น อาการแดง แสบ หรือคัน เพียงแค่ล้างหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม สัญญาณเหล่านี้บ่งบอกว่าผิวของคุณต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากผิวแพ้ง่ายมักมีเกราะป้องกันที่อ่อนแอ ทำให้ปัจจัยภายนอกอย่างมลภาวะ อากาศแห้ง หรือสารเคมีบางชนิดในสกินแคร์สามารถกระตุ้นการระคายเคืองได้ง่าย การค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวบอบบางอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยข้อมูลในบทความนี้ คุณจะเข้าใจลักษณะของผิวแพ้ง่ายได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวอย่างเหมาะสม ทั้งนี้เราจะอธิบายถึงคุณสมบัติของส่วนผสมที่มีประโยชน์และแนะนำสารที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้คุณสามารถดูแลผิวให้แข็งแรงและบอกลาปัญหาผิวแพ้ง่ายได้อย่างมั่นใจ


ทำไมผิวถึงอ่อนแอ ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี? สำรวจต้นเหตุกันให้ชัด

ทำไมผิวถึงอ่อนแอ ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี_ สำรวจต้นเหตุกันให้ชัด

พันธุกรรมและฮอร์โมน ตัวการจากภายในที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

  • พันธุกรรม: พันธุกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพผิวของเรา หากคนในครอบครัวมีผิวแพ้ง่าย โอกาสที่เราจะมีผิวแพ้ง่ายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน งานวิจัยพบว่า 50-60% ของผู้ที่มีประวัติครอบครัวที่เป็นโรคผิวหนัง เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) มักมีอาการผิวแพ้ง่ายร่วมด้วย
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงวัยรุ่น, วัยทอง, หรือแม้แต่ในช่วงมีประจำเดือน สามารถกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้น และอาจเกิดอาการแห้งหรือคันได้

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงวัยรุ่นหรือวัยทอง อาจส่งผลต่อความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพผิวในทางอ้อม ในบางกรณี การได้รับแร่ธาตุบางชนิดไม่เหมาะสม อาจทำให้ปัญหาผิวแย่ลง แมกนีเซียมห้ามกินกับอะไร เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรระวัง เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของระบบในร่างกายและส่งผลเสียต่อผิว

ปัจจัยภายนอกที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

  • สภาพอากาศ: สภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งอากาศร้อนชื้นในฤดูร้อนและอากาศแห้งเย็นในฤดูหนาว สามารถทำให้ผิวสูญเสียความสมดุล โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อุณหภูมิเฉลี่ยในบางพื้นที่สูงถึง 35-40°C อากาศร้อนอาจทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น ในขณะที่อากาศเย็นอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย
  • มลภาวะ: ฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM2.5 และมลพิษในอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังอย่างรุนแรง โดยมีการศึกษาพบว่าฝุ่น PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ผิวอ่อนแอและแพ้ง่ายขึ้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม: ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น สารทำความสะอาด, สารกันเสีย, หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวและทำให้ผิวระคายเคืองได้ โดยมีรายงานว่า 30-40% ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำหอม มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการผิวแพ้และระคายเคือง

ครีมผิดสูตร เสี่ยงผิวพัง! ผลกระทบจากสารระคายเคืองที่ต้องระวัง

การใช้ครีมที่มีสารระคายเคือง เช่น พาราเบน ซัลเฟต หรือแอลกอฮอล์ อาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว สารเหล่านี้สามารถทำให้เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเปิดรับสารระคายเคืองจากภายนอกได้มากขึ้น

  • ข้อมูลทางสถิติ: จากการสำรวจในปี 2564 พบว่าประมาณ 20-25% ของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารระคายเคืองเป็นประจำ มีโอกาสเกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวมากกว่าผู้ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนถึง 2 เท่า

การใช้อย่างต่อเนื่องอาจทำให้ผิวเกิดภาวะ “Sensitive Skin Syndrome” หรืออาการผิวบอบบางที่รุนแรงขึ้น ทำให้ผิวไวต่อทุกสิ่งและมีอาการระคายเคืองได้แม้จะสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน


ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี ให้มองหาคุณสมบัติเหล่านี้ในสกินแคร์

ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี ให้มองหาคุณสมบัติเหล่านี้ในสกินแคร์

1 ไร้กลิ่น ไร้แอลกอฮอล์: ปลอดภัยต่อผิวแพ้ง่ายทุกครั้งที่ใช้

น้ำหอมและแอลกอฮอล์ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคือง โดยเฉพาะน้ำหอมที่มักมีสารเคมีมากกว่า 100 ชนิด ซึ่งบางชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการคันหรือแสบผิวได้ทันที งานวิจัยจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยระบุว่า 30% ของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมีอาการแสบหรือแดงเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม และสารแอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สามารถทำให้ผิวแห้งและลดความชุ่มชื้นลง ซึ่งอาจทำให้ผิวลอกหรือแห้งตึง การเลือกครีมที่ปราศจากสารเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

2 เกราะป้องกันผิวต้องแข็งแรงด้วยเซราไมด์และไฮยาลูรอนิคแอซิด

  • เซราไมด์ (Ceramide) เป็นส่วนประกอบของเกราะป้องกันผิวที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและความแห้งกร้าน โดยพบว่า 40-50% ของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมีปริมาณเซราไมด์ในชั้นผิวที่ลดลง
  • ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดอาการแห้งตึง

การเลือกครีมที่มีส่วนผสมของสารทั้งสองนี้จะช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดโอกาสเกิดอาการแพ้

3 ให้ธรรมชาติดูแล ช่วยปลอบประโลมผิว

  • ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) เป็นที่รู้จักในฐานะสารสกัดที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้น มีงานวิจัยที่ระบุว่าว่านหางจระเข้สามารถช่วยลดรอยแดงและอาการแสบผิวได้ใน 80% ของผู้ทดลอง
  • ชาเขียว (Green Tea) มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันความเสียหายจากแสงแดด ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้น

4 มั่นใจได้กับการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง

ครีมที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง (Dermatologically Tested) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย โดยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบเหล่านี้ มักจะถูกตรวจสอบในกลุ่มผู้ทดลองจริงเพื่อยืนยันว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองแล้ว การดูแลสุขภาพจากภายในก็มีความสำคัญเช่นกัน การบริโภคโพรไบโอติกสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวได้ หากคุณสงสัยว่า โพรไบโอติก กินทุกวันได้ไหม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุด


ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนที่สงสัยว่า ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี

ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนที่สงสัยว่า ผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี

น้ำหอมและพาราเบน ศัตรูตัวร้ายของผิวแพ้ง่าย

  • น้ำหอม เป็นส่วนผสมที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย จากการศึกษาพบว่า 20-30% ของผู้ที่มีอาการผิวแพ้ มีอาการแย่ลงหลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม
  • พาราเบน (Parabens) เป็นสารกันเสียที่ใช้ยืดอายุผลิตภัณฑ์ แม้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย แต่ก็มีรายงานว่าพาราเบนอาจเป็นสารรบกวนการทำงานของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิง งานวิจัยบางชิ้นยังชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น มาส์กหน้าช่วยอะไร ที่มีพาราเบนกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม

ฟอร์มาลดีไฮด์ สารกันเสียชนิดแรงที่ควรหลีกเลี่ยง

ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารกันเสียที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมหลายชนิด เช่น แชมพูและสบู่ อย่างไรก็ตาม ฟอร์มาลดีไฮด์เป็นสารที่ถูกจัดว่าเป็นสารก่อมะเร็งโดยองค์กรอนามัยโลก (WHO) การสัมผัสฟอร์มาลดีไฮด์ในปริมาณน้อยอาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น คัน แดง และผื่นลมพิษ โดยผลสำรวจพบว่า 8-10% ของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมีอาการแสบและคันหลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของฟอร์มาลดีไฮด์

กรด AHA/BHA: สารผลัดเซลล์ผิวที่ต้องใช้อย่างระวัง

กรด AHA (Alpha Hydroxy Acid) และ BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การใช้สารเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น แสบ คัน และผิวลอก โดยเฉพาะเมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง จากการทดลองพบว่า 15-20% ของผู้ที่ใช้เป็นประจำ มีอาการระคายเคืองผิวในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการใช้ หากต้องการใช้ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำและทดสอบกับบริเวณเล็กๆ ก่อน

น้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอมจากธรรมชาติที่อาจไม่เป็นมิตรกับผิว

แม้ว่าน้ำมันหอมระเหยจะมาจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไปสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย สารสกัดจากพืชเหล่านี้ เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์ หรือน้ำมันทีทรี อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองในบางคน งานวิจัยจากยุโรปในปี 2563 พบว่า 10-15% ของผู้ที่มีผิวบอบบางมีอาการแพ้หลังสัมผัสน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใบหน้าและลำคอ ดังนั้น การเลือกครีมสำหรับผิวแพ้ง่ายจึงควรใส่ใจในการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อปกป้องผิวจากอาการระคายเคือง และควรทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กับผิวในบริเวณเล็กๆ ก่อนเสมอเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย.


เคล็ดลับการดูแลผิวแพ้ง่ายเพิ่มเติม

เคล็ดลับการดูแลผิวแพ้ง่ายเพิ่มเติม

เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและมอยส์เจอไรเซอร์อย่างชาญฉลาด

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน ปราศจากสารซัลเฟตและน้ำหอม เพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกันผิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว (ประมาณ 5.5) จะช่วยรักษาสมดุลของผิวได้ดีที่สุด อีกทั้งมอยส์เจอไรเซอร์เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ขาดไม่ได้ ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์และไฮยาลูรอนิคแอซิด เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น จากสถิติพบว่า 70% ของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายรู้สึกว่าผิวมีอาการดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังใช้

ครีมกันแดด: เพื่อนคู่ใจของผิวแพ้ง่าย

  • การปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย ควรเลือกครีมกันแดดสูตร Physical หรือ Mineral ที่มีส่วนผสมของ ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) หรือ ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เนื่องจากมีโอกาสทำให้ผิวระคายเคืองน้อยกว่าสูตร Chemical
  • ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง จากข้อมูลของสถาบันโรคผิวหนังในประเทศไทย 85% ของผู้ที่ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำพบว่าผิวมีอาการแดงและแสบร้อนลดลงเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ใช้

เลี่ยงปัจจัยกระตุ้นผิวแพ้ ลดความเสี่ยงผิวระคายเคือง

  • ความร้อนจัด: อากาศร้อนในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิอาจสูงถึง 40°C สามารถทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือแสบแดงได้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยปลอบประโลมผิวหลังเผชิญความร้อน เช่น ว่านหางจระเข้
  • สารเคมีในชีวิตประจำวัน: ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาทำความสะอาด หรือน้ำหอมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย โดยพบว่าประมาณ 30% ของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมีอาการแย่ลงหลังสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้ นอกจากนี้ สารเคมียังส่งผลต่อสุขภาพของเล็บ เช่น ทำให้เล็บเปราะบางหรือเกิดปัญหาเล็บขบได้ เล็บขบทําไงให้หาย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารระคายเคือง และสวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสสารเคมีโดยตรง.
  • ความเครียดและการพักผ่อน: ความเครียดสามารถกระตุ้นให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการแย่ลงได้ จากการสำรวจพบว่า 60% ของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และใช้วิธีผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิหรือโยคะ.

การดูแลผิวแพ้ง่ายไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามาถของคุณแน่นอน แต่ต้องอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจในสิ่งที่ผิวของคุณต้องการ เราขอย้ำอีกครั้งว่าการเลือกครีมที่เหมาะสมกับผิวของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช่สามารถช่วยฟื้นฟูและปกป้องผิวจากอาการระคายเคืองได้ ลองใช้ผลิตภัณฑ์ทีละตัว เพื่อดูว่าผิวของคุณตอบสนองอย่างไร การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับผิวของคุณ และถ้าหากยังคงมีอาการ เช่น ผิวแดง แสบ หรือคันหลังจากปรับเปลี่ยนการดูแลผิว อย่าลังเลที่จะมาพบแพทย์ผิวหนัง เราพร้อมช่วยวางแผนการดูแลผิวที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรงและดูสุขภาพดีในทุกวัน


คำถามที่พบบ่อย

  1. ผิวแพ้ง่ายคืออะไร และมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง?
    ผิวที่แพ้ง่าย หมายถึง สภาพผิวที่ไวต่อการระคายเคืองง่ายกว่าปกติ มักเกิดจากเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ ส่งผลให้ผิวตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น เช่น สภาพอากาศ มลภาวะ หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว บางกรณีอาจมีปัจจัยภายใน เช่น พันธุกรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนร่วมด้วย
  2. เลือกครีมสำหรับผิวแพ้ง่ายควรดูอะไรเป็นพิเศษ?
    ควรเลือกครีมที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน ซึ่งเป็นสารที่มักทำให้ผิวระคายเคือง นอกจากนี้ ควรมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น เซราไมด์ หรือไฮยาลูรอนิคแอซิด และผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังเพื่อความปลอดภัย
  3. ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวได้หรือไม่?
    ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีกรด AHA หรือ BHA ความเข้มข้นสูง เนื่องจากอาจทำให้ผิวแสบแดงหรือแห้งตึงได้ หากต้องการผลัดเซลล์ผิว ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน และเริ่มใช้ในปริมาณน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาของผิว
  4. ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์แล้วผิวมีอาการระคายเคือง ควรทำอย่างไร?
    หากเริ่มมีอาการระคายเคือง เช่น แสบ คัน หรือแดง ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที และล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพื่อบรรเทาอาการ หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม.

อ้างอิง

  1. Carrie Madormo, RN, MPH, Why Is My Skin so Sensitive?, Very Well Health, June 10, 2024, https://www.verywellhealth.com/what-is-sensitive-skin-5085561
  2. Rebekah Kuschmider, Skin Care Ingredients for Sensitive Skin, WebMD, August 11, 2021, https://www.webmd.com/beauty/features/skin-care-ingredients-sensitive-skin
  3. Beth Ann Mayer, The ‘Dirty’ Half Dozen: 6 Ingredients to Avoid for Stress-Free Skin Care, Healthline, September 1, 2022, https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/ingredients-to-avoid-for-stress-free-skin-care