ทุกวันนี้มาส์กหน้ากลายเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการดูแลผิวที่ใครหลายคนไม่อยากข้าม เพราะช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลทันที สำหรับคนที่สงสัยว่า มาส์กหน้าช่วยอะไร คำตอบ คือ สิ่งนี้สามารถตอบโจทย์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความมัน หรือแม้กระทั่งช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ซึ่งเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าคุณจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม ดังนั้นแล้ว การมาส์กหน้าไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงผิว แต่ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับได้ทำสปาที่บ้าน ช่วยสร้างช่วงเวลาพักผ่อนในวันที่เหนื่อยล้า นอกจากนี้ ยังมีสูตที่หลากหลายยังช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น การฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำ การปลอบประโลมผิวที่ระคายเคือง หรือแม้แต่การปรับสมดุลผิวมัน
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงประโยชน์ของการมาส์กหน้าและวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว พร้อมทั้งแนะนำเคล็ดลับการใช้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้คุณบำรุงผิวได้อย่างตรงจุดและปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลผิว หรือคนที่มองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กิจวัตรการดูแลผิว ให้บทความนี้จะเป็นคู่มือที่ครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการมาส์กหน้า
มาส์กหน้าช่วยอะไร ? ไขความลับเพื่อผิวสวยทุกวัน
1 เติมน้ำให้ผิว ฟื้นฟูผิวแห้งแตกให้กลับมาสดชื่น
ผิวแห้งถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเผชิญกับอากาศเย็นจากแอร์หรือสภาพอากาศที่แห้ง มาส์กหน้าสูตรเติมน้ำจึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่หลายคนเลือกใช้ โดยเฉพาะมาส์กที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติดูดซับและกักเก็บน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง ไม่ใช่แค่จากภายนอกเท่านั้น ประโยชน์ของมาส์กสูตรนี้ คือ ช่วยปรับสมดุลน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเนียนนุ่มขึ้นทันทีหลังใช้ นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยอย่างกลีเซอรีนและแพนทีนอลที่เพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำในระยะยาว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้งตึงหรือลอกเป็นขุย
นอกเหนือการบำรุงภายนอกแล้ว การบำรุงจากภายในด้วยสารอาหารที่เหมาะสมก็สำคัญ เช่น การเลือกใช้แมกนีเซียมให้ถูกวิธี เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังมีผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรศึกษาว่า แมกนีเซียมห้ามกินกับอะไร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่
เคล็ดลับ:
- ควรมาส์กหน้า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้งในระยะยาว
- ใช้มาส์กหลังอาบน้ำตอนเย็น เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
2 ลดความมันส่วนเกิน เคลียร์รูขุมขนแบบล้ำลึก
สำหรับคนไทยที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนชื้น ปัญหาผิวมันและรูขุมขนอุดตันเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยาก มาส์กดินโคลน (Clay Mask) และมาร์สหน้าสูตรชาร์โคล (Charcoal Mask) จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เช่น Bentonite และ Kaolin สามารถดูดซับน้ำมันส่วนเกินได้ดี ขณะที่สูตรชาร์โคล มีคุณสมบัติในการดึงสิ่งสกปรกที่สะสมลึกในรูขุมขนออกมา
ข้อดีของมาส์กประเภทนี้
- ลดการอุดตันของรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง
- ควบคุมความมันบนผิวหน้า ลดโอกาสเกิดสิวได้ถึง 30-40%
- ทำให้ผิวหน้าดูสดใสและสะอาดขึ้น
เคล็ดลับ:
- ใช้มาส์กเพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกินไป
- มาส์กเฉพาะบริเวณ T-Zone หากคุณมีผิวผสม
3 เผยผิวใส ลดจุดด่างดำให้ผิวดูเปล่งประกาย
ใครที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำหรือจุดด่างดำ มาส์กหน้าสูตรวิตามินซีและกรดผลไม้ (AHA/BHA) คือคำตอบ วิตามินซีมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับโทนสีผิวให้สม่ำเสมอและลดรอยหมองคล้ำ ขณะที่ กรดธรรมชาติเหล่านี้ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสยิ่งขึ้น
สถิติที่น่าสนใจ:
- ผู้ใช้มาส์กสูตรนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง พบว่ารอยดำลดลง 25% ภายใน 4 สัปดาห์
- ผิวดูกระจ่างใสขึ้น 15% หลังการใช้เพียง 1 ครั้ง
เคล็ดลับ:
- ใช้มาส์กในตอนกลางคืนและตามด้วยครีมกันแดดในวันถัดไป เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากเพราะเป็นจุดที่บอบบาง
4 ปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบในทันที
ผิวที่ระคายเคืองหรือมีอาการอักเสบ มักต้องการการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายใช้ครีมอะไรดี ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้หรือชาเขียวจึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางหรือเป็นสิว ว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและลดการอักเสบ ขณะที่ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปลอบประโลมผิวและลดรอยแดง
ประโยชน์ที่ได้รับ:
- ลดรอยแดงและการระคายเคืองได้ทันที 50% หลังการใช้
- ช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
เคล็ดลับ:
- ใช้หลังจากเผชิญแดดหรือการระคายเคืองจากมลภาวะ
- เลือกสูตรที่ไม่มีน้ำหอมเพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้
5 ฟื้นฟูความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวเริ่มมาเยือน มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและเรตินอลจึงเป็นตัวช่วยสำคัญ คอลลาเจนช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว ขณะที่เรตินอลช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และลดเลือนริ้วรอย
สถิติที่ควรรู้:
- ผู้ใช้มาส์กเรตินอลเป็นเวลา 8 สัปดาห์พบว่าริ้วรอยลดลง 20%
- คอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้ถึง 15% หลังการใช้ต่อเนื่อง 1 เดือน
เคล็ดลับ:
- ใช้มาส์กตอนกลางคืนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
- ใช้ควบคู่กับครีมบำรุงที่มี SPF ในตอนเช้าเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
มาส์กหน้าช่วยอะไร เลือกยังไงให้เหมาะกับผิวคุณ
มาส์กแผ่น ตัวช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเร่งด่วน
Sheet Mask เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการเติมน้ำให้ผิวอย่างรวดเร็ว เนื้อแผ่นมาส์กที่ชุ่มชื้นด้วยเซรั่มเข้มข้น เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันทีหลังใช้ถึง 20-30% เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่ดูหมองคล้ำขาดชีวิตชีวา การใช้งานก็ง่าย เพียงแค่แปะบนหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วนวดเบา ๆ ให้เซรั่มซึมลงสู่ผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น หากใช้ก่อนแต่งหน้า ผิวของคุณจะดูเปล่งปลั่งและเมคอัพติดทนยาวนานยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ควรพิจารณาสุขภาพระบบลำไส้ด้วย เพราะมีผลต่อสุขภาพผิวโดยตรง เช่นเดียวกับการทานโพรไบโอติกเป็นประจำ ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย ส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพลำไส้และผิวพรรณ หากคุณสงสัยว่า โพรไบโอติก กินทุกวันได้ไหม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
มาส์กโคลน คุมมัน เคลียร์ผิวสะอาดหมดจด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมันหรือสิวอุดตัน มาส์กโคลน เช่น Bentonite หรือ Kaolin เป็นตัวช่วยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม มาส์กชนิดนี้มีความสามารถในการดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ลดความมันบนใบหน้าได้มากถึง 40% และช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิว การใช้เป็นประจำจะช่วยให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ควรใช้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกินไป
มาส์กเจล ปลอบประโลมผิวบอบบางอย่างอ่อนโยน
Gel Mask เป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อผิวบอบบางและระคายเคืองง่าย ด้วยเนื้อสัมผัสบางเบาและส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลม เช่น ว่านหางจระเข้และแตงกวา มาส์กชนิดนี้จะช่วยลดรอยแดงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันทีถึง 50% ช่วยทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย โดยเฉพาะหากแช่มาส์กในตู้เย็นก่อนใช้จะช่วยเพิ่มความเย็นสบายให้กับผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
มาส์กแบบลอก เผยผิวเรียบเนียนในขั้นตอนเดียว
Peel-off Mask เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการกำจัดสิวเสี้ยนและผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มาส์กประเภทนี้ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นทันทีถึง 80% หลังการใช้ โดยเมื่อมาส์กแห้ง จะสามารถลอกออกได้พร้อมกับสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในรูขุมขน แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้เกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันการระคายเคือง และควรหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากที่ผิวบอบบาง
มาส์กข้ามคืน: ฟื้นฟูผิวล้ำลึกระหว่างหลับ
Overnight Mask เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฟื้นฟูผิวในช่วงเวลาที่ร่างกายพักผ่อน สูตรมาส์กนี้มักอุดมไปด้วยส่วนผสมเข้มข้น เช่น เซราไมด์ หรือเรตินอล ช่วยเสริมการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวในช่วงกลางคืนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังตื่นนอน ผิวจะดูสดชื่นและเปล่งปลั่งขึ้นถึง 30% การใช้มาส์กข้ามคืน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูผิวในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับการใช้มาส์กหน้าให้เห็นผลชัดเจนที่สุด
เตรียมผิวให้พร้อมเพื่อรับประโยชน์สูงสุด
การเตรียมผิวก่อนมาส์กเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากผิวหน้าของคุณไม่สะอาดพอ สารบำรุงในมาส์กอาจไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ ขั้นตอนแรกคือการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบบนใบหน้าประมาณ 1-2 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนและเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง การเปิดรูขุมขนช่วยให้สารอาหารจากมาส์กสามารถซึมลึกลงไปในชั้นผิวได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพของการมาส์กได้ถึง 30%
มาส์กอย่างไรให้ถูกวิธีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การมาส์กหน้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นไม่ใช่แค่การแปะมาส์กแล้วรอเวลาเท่านั้น แต่ต้องรู้จักวิธีการใช้ที่ถูกต้องด้วย เริ่มจากการทามาส์กให้ทั่วใบหน้า โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เนื่องจากเป็นจุดที่บอบบาง จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ตามเวลาที่ระบุบนผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 10-20 นาที อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองได้ เมื่อต้องล้างมาส์กออก ควรใช้น้ำอุ่นล้างเบา ๆ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดสีที่อาจทำให้ผิวเสีย
เติมเต็มความชุ่มชื้นและล็อคผลลัพธ์หลังการมาส์ก
หลังจากล้างมาส์กออกแล้ว ผิวหน้าจะอยู่ในสภาวะที่พร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ การทาเซรั่มที่มีส่วนผสมเข้มข้น เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือไนอาซินาไมด์ จะช่วยเสริมการบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันที ตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื้นไว้ในผิว เพื่อคงผลลัพธ์ของการมาส์กให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น ผลการวิจัยพบว่า การบำรุงผิวหลังมาส์กสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฟื้นฟูผิวได้มากถึง 40% เมื่อเทียบกับการมาส์กเพียงอย่างเดียว
การมาส์กหน้าไม่ใช่แค่การบำรุงทั่วไป แต่เป็นขั้นตอนที่ช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลของผิวได้อย่างล้ำลึก หากทำตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืนในระยะยาว
ข้อควรระวังในการใช้มาส์กหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
มาส์กหน้าช่วยอะไร เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากเลือกผิด นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ยังอาจทำให้ผิวเกิดปัญหาเพิ่มเติมได้อีกด้วย
- สำหรับผิวมัน มาส์กที่มีส่วนผสมของดินเหนียว เช่น Bentonite หรือ Kaolin ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินและลดการอุดตันของรูขุมขน ลดความมันบนผิวได้ถึง 40% หลังใช้เพียงครั้งเดียว
- สำหรับผิวแห้ง ควรมองหามาส์กที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอนิค แอซิด หรือ กลีเซอรีน ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทันทีหลังใช้ได้ถึง 30%
- สำหรับผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ควรเลือกมาส์กสูตรที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคือง
ใช้บ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวเสียสมดุล
แม้ว่ามาส์กหน้าจะช่วยฟื้นฟูผิวได้ดี แต่การใช้มาส์กบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวสูญเสียสมดุลได้ โดยเฉพาะมาส์กที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA/BHA) หรือสารดูดซับน้ำมัน หากใช้เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก หรือระคายเคืองได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่า การมาส์กหน้าเกินความจำเป็นเพิ่มโอกาสเกิดปัญหาผิวถึง 25% ดังนั้น ควรใช้มาส์กตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์และความต้องการของผิว
ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ ลดความเสี่ยงจากปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์
เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น ควรทดสอบที่บริเวณผิวหลังใบหูหรือใต้คางก่อนใช้จริง ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมงเพื่อดูปฏิกิริยา หากไม่มีอาการแดง คัน หรือแสบร้อน แสดงว่าสามารถใช้กับใบหน้าได้อย่างปลอดภัย สถิติจากคลินิกผิวหนังระบุว่า 10-15% ของผู้ที่ไม่ทดสอบก่อนใช้มีโอกาสเกิดอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การทดสอบจึงเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก
มาส์กหน้าไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์เสริมความงามธรรมดา แต่เป็นเหมือนตัวช่วยพิเศษที่ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาสั้น ๆ นับว่าเป็นขั้นตอนลัดดูแลผิวแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน การลงทุนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดี ๆ สักอัน นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแค่ผิวที่ดูดีขึ้นในทันที แต่ยังช่วยเสริมสุขภาพผิวในระยะยาวด้วย การเพิ่มขั้นตอนนี้เข้าไปในสกินแคร์รูทีน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะต้องการเติมความชุ่มชื้น ลดความมัน หรือฟื้นฟูผิวจากความเหนื่อยล้า การใช้เป็นประจำจะช่วยให้ผิวของคุณพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไปได้ดียิ่งขึ้น เสมือนช่วงเวลาที่คุณได้ดูแลตัวเองและให้รางวัลกับผิว ดังนั้น หากยังไม่ได้ลอง หรือยังลังเลอยู่ เราอยากแนะนำให้คุณเริ่มใช้มาส์กหน้าเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลผิวตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะเห็นถึงความแตกต่างที่น่าประทับใจ
คำถามที่พบบ่อย
- มาส์กหน้าบ่อยแค่ไหนถึงจะเหมาะสม?
ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและประเภทของมาส์กที่ใช้ หากเป็นมาส์กเติมความชุ่มชื้น สามารถใช้ได้บ่อยถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนมาส์กที่มีสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA หรือ BHA ควรใช้เพียงสัปดาห์ละครั้งเพื่อป้องกันการระคายเคือง - ใช้มาส์กตอนเช้าหรือตอนกลางคืนดีกว่ากัน?
การใช้มาส์กสามารถทำได้ทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน แต่หากต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก มาส์กตอนกลางคืนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะเป็นช่วงที่ผิวมีการซ่อมแซมตัวเอง และหากเป็นมาส์กที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นหรือปลอบประโลมผิว การใช้ตอนเช้าก่อนแต่งหน้าจะช่วยให้ผิวดูสดใสและเครื่องสำอางติดทนยิ่งขึ้น - ควรล้างหน้าก่อนและหลังมาส์กหรือไม่?
ก่อนมาส์กหน้าควรทำความสะอาดผิวให้หมดจดเพื่อเปิดรับสารบำรุงอย่างเต็มที่ ส่วนหลังมาส์ก หากเป็นมาส์กที่ต้องล้างออก เช่น มาส์กโคลนหรือมาส์กแบบลอก ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อขจัดสิ่งตกค้าง แต่ถ้าเป็นมาส์กแผ่นหรือมาส์กข้ามคืน สามารถนวดเซรั่มที่เหลือให้ซึมเข้าสู่ผิวโดยไม่ต้องล้างออก - มาส์กหน้าแล้วมีอาการคันหรือแดงควรทำอย่างไร?
หากมีอาการคันหรือผิวแดงหลังจากใช้มาส์ก ควรหยุดใช้ทันทีและล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด อาการแพ้ส่วนใหญ่มักเกิดจากการแพ้สารบางชนิดในมาส์ก หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีการระคายเคืองเพิ่ม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสม
อ้างอิง
- 5 Benefits of Applying Facial Masks for Skin Care, herbalife, January 23, 2024, https://www.herbalife.com/en-us/wellness-resources/articles/face-masks
- Lauren Sharkey, Do Face Masks Actually Do Anything for Your Skin?, Healthline, February 26, 2020, https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/do-face-masks-work
- Beth Ann Mayer, The ‘Dirty’ Half Dozen: 6 Ingredients to Avoid for Stress-Free Skin Care, Healthline, September 1, 2022, https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/ingredients-to-avoid-for-stress-free-skin-care