ปัญหารอยแดง ต้องการลดรอยแดงบนหน้า ลดรอยแดงจากสิว ต้องวิเคราะห์สาเหตุ
อาการแดงหรือผื่นที่หน้า เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง มีจุดสังเกตก็คือ ผิวไวต่อแดด ผิวหน้ามีผื่นแดงเล็กๆ คล้ายผด และอาจคันและมีอาการแสบร่วมด้วย ซึ่งผู้หญิงมักพบปัญหานี้บ่อย ควรหาสาเหตุที่ถูกต้องเพื่อป้องกัน โดยสาเหตุปัญหารอยแดงบนผิวหน้า สามารถเกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้
- ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน ผื่นแดงคัน ขุยสีเหลืองเป็นมัน มักพบข้างจมูก คิ้ว ใบหู และหนังศีรษะที่มีรังแค
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นแดงคันบริเวณหน้า คอ ข้อพับแขนและขา มักมีผิวแห้ง ส่วนใหญ่พบในคนที่เคยมีประวัติหรือกรรมพันธุ์เป็น
- โรคภูมิแพ้ผื่นแพ้สัมผัส ผื่นแดง จะคันอักเสบ เป็นๆ หายๆ บริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้
- ผื่นระคายสัมผัส ผื่นแดงอักเสบ มีขอบเขตชัดเจน อาจมีอาการบวมในบริเวณที่สัมผัสสารระคายเคืองเป็นจำนวนมาก และระยะเวลานาน เช่น ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นกรดติดต่อกัน
- ผื่นแพ้สัมผัสจากสารร่วมกับแสง ผื่นแดงอักเสบจากการใช้สารก่อภูมิแพ้ร่วมกับโดนแสงแดด เช่น โลชั่น น้ำหอม ครีมกันแดด
- ผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก ผื่นแดง ตุ่มแดง ตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง บริเวณรอบริมฝีปาก
- ผื่นผิวหนังอักเสบชนิด Rosacea มักพบได้บ่อยในกลุ่มคนผิวขาว มีอาการหน้าแดง ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนองหลอดเลือดฝอยขยายที่หน้า มักมีประวัติเป็นผื่นมากขึ้นเมื่อโดนความร้อน แสงแดด การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผื่นสิว คนที่มีผิวมันมักจะเป็นสิวได้ง่ายกว่า หน้าแดงจากสิวบนใบหน้า เช่น ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง ถุงใต้ผิวหนัง หรือเป็นสิวหัวเปิดมีจุดดำตรงกลาง
- ผื่นผิวหนังจากสารก่อภูมิแพ้ : ผิวหนังบางและหลอดเลือดฝอยขยายจากยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะยากินหรือยาทา ก็แสดงผลข้างเคียงได้ การใช้ยาจึงควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์
5 วิธีที่ช่วยกู้ผิว จัดการรอยแดงบนใบหน้า
- เลี่ยงใช้สกินแคร์ที่มีสารระคายเคือง สารระคายเคือง หรือส่วนผสมแรงๆ เป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำให้ผิวเกิดรอยแดงขึ้นมาได้อย่างง่ายๆ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ผิวแดงไปมากกว่านี้ ให้เลี่ยงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมอย่างเช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอม หรือสีสังเคราะห์ ถ้าเป็นโฟมล้างหน้าก็ควรล้างสารกลุ่มซัลเฟตอย่าง SLS และ SLES ได้ด้วย
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นอาจทำให้ผิวระคายเคือง เกิดผื่นแดงได้ง่าย ดังนั้น หลังล้างหน้า อาบน้ำเสร็จแล้ว ควรรีบทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันที เช่น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธ์ เพราะตอนที่ผิวกำลังชื้นๆ เปียกน้ำหมาดๆ มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะซึมเข้าผิวได้ดี และผิวก็จะล็อกความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ดีกว่า
- อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน บางทีรอยแดงจะยิ่งแดงหนักกว่าเดิม ถ้าหากไปเจอกับแสง UV ที่มากับแสงแดดเข้า ดังนั้นเราควรที่จะทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเลือกครีมกันแดดที่มี SPF ระหว่าง 30-50 และ PA+++ เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB และเลี่ยงออกไปเผชิญแดดในช่วงที่แดดแรงจัด ช่วงเวลา 10:00-16:00 น.ค่ะ
- หมั่นบำรุงผิวให้แข็งแรง การแต่งหน้ากลบก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ พอล้างหน้าออกผิวก็ยังมีรอยแดงอยู่ดี ดีไม่ดีถ้าไม่เจอเครื่องสำอางที่แพ้ อาจจะทำให้รอยแดงมีอาการหนักกว่าเดิมด้วย ดังนั้น การบำรุงผิวให้แข็งแรง แก้ที่ต้นเหตุย่อมดีกว่า เช่น การใช้เอสเซนส์บำรุงผิว หรือเซรั่มเรตินอล พอผิวแข็งแรงขึ้น สิ่งสกปรก หรือสิ่งแปลกปลอมก็จะเข้าผิวได้ยาก ผิวล็อกความชุ่มชื้นได้ดี และความไวต่อสิ่งเร้าก็จะลดน้อยลง ส่งผลให้รอยแดงค่อยๆ หายไปได้
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ให้แพทย์จ่ายยากิน ยาทาภายนอก หรือการรักษาด้วยเลเซอร์ แพทย์อาจสั่งยากิน ด็อกซีไซคลิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะช่วยลดอาการอักเสบ หรืออาจสั่งยาทาในรูปแบบครีมให้ เช่น ซัลฟาเซตาไมด์ Metrogel (เมโทรไนดาโซล) หรือ Finacea (กรดอะซีลาอิก) ซึ่งยาใช้ภายนอกเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้เทียบเท่ากับยากิน และสุดท้ายใช้วิธีการเลเซอร์ เมื่อรอยแดงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาแบบอื่น วิธีการรักษาด้วยเลเซอร์มักใช้เพื่อบรรเทารอยแดงได้ในระยะยาวนานกว่าวิธีการรักษาแบบอื่น การเลเซอร์สามารถช่วยทำให้เส้นเลือดที่เด่นชัดตามใบหน้า คอ และหน้าอกจางลง อีกทั้งยังทำให้สีผิวขาวขึ้นได้อีกด้วย
สรุปแล้วสาเหตุของผื่นแดงบนใบหน้าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน สิ่งที่ควรทำคือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ สิ่งที่จะทำให้ผิวเราระคายเคืองกว่าเดิม เช่นสารก่อภูมิแพ้ ,สารเคมี ,ผงซักฟอก ,ความเครียด ,การพักผ่อนไม่เพียงพอ ,เหงื่อและบุหรี ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการบำรุงผิวให้แข็งแรงรวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ป้องกันผื่นกำเริบ ลดรอยแดงได้
อ้างอิง :