วิตามินซีบำรุงผิว เป็นวิตามินที่หลายคนรู้จักกันดีว่ามีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่าวิตามินไม่ได้มีประโยชน์แค่ทำให้สุขภาพแข็งแรงเพียงอย่างเดียว เพราะวิตามินซียังเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและขาวกระจ่างใสอีกด้วย
ประโยชน์ของวิตามินซีบำรุงผิว
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร ซึ่งวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ เมื่อรับประทานเข้าไปจะคงอยู่ในร่างกายประมาณ 2-4 ชั่วโมง หากร่างกายใช้ไม่หมดจะทำการขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะหรือเหงื่อ พบได้มากในอาหารประเภทผักและผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว สตอเบอรี่ องุ่น เสาวรส กล่ำปลี บล็อคโคลี ผักโขม แคนตาลูป มะเขือเทศ มะละกอ มันฝรั่ง ฝรั่ง สับปะรด เป็นต้น วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของภูมิต้านทานแล้ว ยังมีประโยชน์ช่วยบำรุงผิวได้ดังนี้
- ปริมาณที่ควรได้รับไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม
- เสริมสร้างการสร้างคอลลาเจน วิตามินซีจะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้ทำการผลิตคอลลาเจนในปริมาณที่มากขึ้นและคอลลาเจนมีความแข็งแรงมากขึ้น
- ลดริ้วรอยก่อนวัย ปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยมากที่สุดก็คือ สารอนุมูลอิสระ ซึ่งวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดที่จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอย่างได้ผล
- ผิวพรรณเนียนกระจ่างใส คอลลาเจนที่สร้างขึ้นโดยมีวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอจะเป็นคอลลาเจนที่แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ผิวที่สร้างขึ้นใหม่มีลักษณะเนียนนุ่มกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- ลดเลือนรอยแผล บริเวณที่เกิดรอยแผลจะมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่เพื่อทดแทนเซลล์ผิวที่ตายไป หากรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอ รอยแผลเป็นต่าง ๆ จะตื้นขึ้นและจางลง โดยพาะรอยแผลและรอยแดงจากสิว
จะเห็นว่าวิตามินซีมีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งเราสามารถได้รับวิตามินซีจากการรับประทานอาหารประจำวัน เพื่อบำรุงผิวให้แข็งแรงมีสุขภาพดี
วิตามินซีบำรุงผิว บำรุงได้ด้วยวิธีใดบ้าง (กิน/ทา/ฉีด)
ถึงแม้ว่าวิตามินซีจะมีอยู่ในอาหารที่รับประทานอยู่ แต่ว่าปริมาณวิตามินซีที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนั้นการเสริมวิตามินซีเพื่อบำรุงผิวจึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก ซึ่งวิตามินบำรุงผิวสามารถบำรุงได้หลายวิธีดังนี้
- วิตามินซีแบบรับประทาน ปัจจุบันนี้มีวิตามซีพร้อมรับประทานวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยวิตามินซีจะอยู่ใน 2 รูปแบบ คือ รูปกรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid) และ เกลือของกรดแอสคอร์บิก (mineral ascobate) โดยวิตามินซีในรูปเกลือกของกรดแอสคอร์บิกจะมีความเป็นกรดน้อยกว่าวิตามินซีที่อยู่ในรูปของกรดแอสคอร์บิก จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาด้านระบบทางเดินอาหาร สำหรับวิตามินซีสำหรับรับประทานมีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด ดังนี้
- เม็ดพร้อมรับประทาน เป็นวิตามินซีพร้อมรับประทานที่มีกรดแอสคอร์บิกและเกลือของกรดแอสคอร์บิก โดยมีความเข้มข้นของวิตามินซีตั้งแต่ 25 – 1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด
- เม็ดอม คือ วิตามินซีที่มีลักษณะคล้ายยาอม ที่จะค่อย ๆ ละลาย เหมาะกับเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถกินยาเม็ดได้ โดยมีความเข้มข้นของวิตามินซีตั้งแต่ 25 – 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด
- เม็ดเคี้ยว คือ เม็ดวิตามินซีที่มีลักษณะคล้ายเยลลี่เคลือบด้วยน้ำตาลด้านนอก มีสีสันสดใส สร้างขึ้นมาสำหรับเด็กรับประทานเป็นหลัก เพราะมีลักษณะคล้ายขนม ทำให้เด็กกินได้ง่าย โดยมีวิตามินขนาด 25- 30 มิลลิกรัมต่อเม็ด
- เม็ดฟู่ละลายน้ำ คือ เม็ดวิตามินซีที่ต้องใส่ลงไปในน้ำเพื่อให้ละลายก่อนจึงจะสามารถดื่มได้ โดยมีวิตามินซีตั้งแต่ 500 – 1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด เหมาะสำหรับคนโตที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดได้
- แคปซูล คือ วิตามินซีที่มีลักษณะเรียว กลืนง่าย มีปริมาณวิตามซี 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด
- วิตามินซีแบบทา เป็นการนำวิตามินซีมาทาบนผิว เพื่อให้วิตามินซีซึมเข้าสู่ผิวโดยตรง ซึ่งการทาวิตามินซีจะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส เนื่องจากวิตามินจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น รอยแผลจางลง นอกจากนั้นยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายออกไป ทำให้ผิวกระจ่างใส สามารถใช้ได้กับทั้งผิวหน้าและผิวกาย
- วิตามินซีแบบฉีด เป็นวิตามินซีที่อยู่ในรูปของสารละลายมีความเข้มข้นตั้งแต่ 500-1,000 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นวิตามินซีที่มีความบริสุทธิ์สูง นิยมใช้เพื่อรักษาอาหารหวัดเพื่อให้หายอย่างรวดเร็ว และใช้เพื่อให้การรักษาความงามที่เรียกว่า ดริปวิตามิน เมื่อฉีดร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้งานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการใช้งานจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะการได้รับวิตามินซีในปริมาณที่สูงเกินไปอาจทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ควรบำรุงด้วยวิตามินซีบ่อยแค่ไหน
หากต้องการใช้วิตามินซีบำรุงผิวอย่างได้ผลจะต้องใช้วิตามินซีในปริมาณที่ต่างกันตามวิธีการใช้ ดังนี้
- การรับประทาน วิตามินซีที่ร่างกายรับประทานเข้าไปจะสามารถดูดซึมเข้าไปใช้งานได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งการกินวิตามินซีเพื่อบำรุงผิวจะต้องได้รับวิตามินซีอย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัม และไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้นจึงควรกินวิตามินซีบำรุงผิวประมาณ 1,000 -1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยควรกินในปริมาณน้อย ๆ แต่หลายครั้งหรือแบ่งรับประทาน 2 มื้อต่อวัน คือ รับประทานพร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น หากต้องการให้มีการดูดซึมได้สูงสุดควรรับประทานพร้อมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และไบโอฟลาโวนอยด์
- การทา การทาวิตามินซีเพื่อบำรุงผิวจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีวิตามินซีเข้มข้น 5-10% และต้องทาอย่างต่อเนื่อง และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวด้วย เพราะวิตามินซีจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
- การฉีด การฉีดวิตามินซีเข้าสู่ผิวจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน จึงสามารถรองรับวิตามินซีได้ในปริมาณที่ต่างกัน โดยการฉีดจะเริ่มต้นฉีดวิตามินซีเข้มข้น 500 มิลลิกรัมขึ้นไป
วิตามินซีบำรุงผิวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาผิวให้หมดไป โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอย ความหมองคล้ำและรอยแผลเป็น ดังนั้นหากคุณเป็นมีปัญหาผิวดังกล่าวแล้ว รับรองว่าวิตามินซีจะช่วยทำให้ผิวกลับมาเนียนกระจ่างใสแน่นอน
อ้างอิง
- บทบาทของวิตามินซีต่อการเสริมสร้างคอลลาเจน. https://www.ay-sci.go.th/aynew/631230-5/
- เลือกวิตามินซีแบบไหน เพื่อผิวใสได้ดั่งใจ. https://www.megawecare.co.th/content/5192/which-type-of-vitamin-c-makes-bright-skin
- รู้จักชนิดวิตามินซีและการทานที่ถูกต้อง. https://www.bangkokhospital.com/content/know-vitamin-c-deeply