ผิวแพ้ง่าย ทำไมใช้อะไรก็แพ้ไปหมด

ลักษณะของผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)

ลักษณะของผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin) เป็นภาวะที่ผิวมีความไวต่อปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ง่าย เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สารกันแดด เนื้อผ้าที่สวมใส่บางชนิด น้ำ หรือแม้กระทั่งสภาพอากาศที่แห้งและเย็น นอกจากนี้ยังมีรายงานพบว่าอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นในผิวแพ้ง่ายยังสัมพันธ์กับรอบประจำเดือนของสุภาพสตรีอีกด้วย อาการที่มักแสดงถึงการระคายเคืองในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ได้แก่ การเกิดผดผื่นคัน ตึงผิว แสบร้อน และผิวไหม้ ซึ่งลักษณะของผื่นที่พบอาจมีลักษณะเป็นรอยแดง แห้งลอก หรือเกิดเป็นผื่นนูนขึ้นมาได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่พบได้ในทุกวัยทั้งเพศชายและหญิง สัญญาณของผิวแพ้ง่ายที่คุณสามาถสังเกตได้ด้วยตนเอง มีดังนี้

  1. ผิวแดงง่าย อาการนี้มักเกิดขึ้นทันทีหลังสัมผัสสิ่งกระตุ้น เช่น การใช้โฟมล้างหน้า หรือการปะทะลมแรง แม้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่อาจเป็นอาการของผิวแพ้ง่ายจากผื่นผิวหนังอักเสบชนิดโรซาเซีย (Rosacea) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดฝอยบริเวณใบหน้าแตก ร่วมกับมีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นตามคาง แก้ม และจมูก
  2. ผิวหลุดลอกเป็นขุย อาการนี้มักเกิดกับผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไกลโคลิก  AHA กับ BHA  หรือเรตินอยด์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน
  3. แสบผิว ผิวพุพองง่าย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายนั้นมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอและบอบบางกว่าคนทั่วไป อาจทำให้ผิวไวต่อส่วนประกอบ ซึ่งอาจเกิดการระคายเคืองตามมาหลังใช้การผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องสำอาง สารทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นต้น
  4. อาการคันจากผิวแห้ง ผิวที่บอบบางไม่เพียงแต่ทำให้ง่ายต่อการระคายเคืองแล้ว แต่ยังอาจส่งผลให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง ทำให้ผิวแห้งกร้านและอาการคันผิวหนังตามมา

สาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ ควรหลีกเลี่ยงและดูแลผิวอย่างไร

สาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้

ผิวแพ้ง่ายเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายใน อย่างกรรมพันธุ์ที่อาจส่งต่อภาวะผิวหนังที่ผิดปกติ หรืออายุที่เพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลให้ความแข็งแรงของผิวลดลงได้ นอกจากนี้ โรคและความผิดปกติทางผิวหนังก็เป็นหนึ่งในปัจจัยภายในที่อาจส่งผลทำให้ผิวแพ้ง่ายได้  รวมถึงปัจจัยภายนอกนั้นมีผลในการกระตุ้นและทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ทั้งสิ่งแวดล้อม สิ่งที่อยู่รอบตัวมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ อุณหภูมิ หรือมลพิษนั้นมีส่วนที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายได้ อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐานมักผสมสารเคมีที่เป็นอันตรายแต่ได้ผลไวหรือใส่มาในปริมาณเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัยกำหนด ซึ่งเมื่อใช้ไปแล้วอาจเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วแต่แฝงไปด้วยการทำร้ายผิว ส่งผลให้ผิวบอบบางแพ้ง่าย

นอกจากนี้ ผลข้างเคียงจากการรักษา การรักษาโรคบางโรคด้วยการรับประทานยาหรือวิธีการรักษาด้วยอุปกรณ์ทางแพทย์ อย่างการทำเลเซอร์ ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงให้ผิวแห้ง ผิวบอบบาง และไวต่อการระคายเคืองได้ หรือแม้แต่การที่ผิวขาดเซราไมด์  (Ceramide) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวหนังชั้นนอก ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ช่วยปกป้องผิวจากอาการแพ้และมลภาวะที่ส่งผลต่อสุขภาพผิว หากผิวขาดเซราไมด์ก็อาจทำให้ความแข็งแรงของผิวลดลง ผิวแห้งกร้าน จนทำให้ผิวแพ้ง่าย

ทำไมใช้อะไรก็แพ้ไปหมด? คำตอบอยู่ที่การมีผิวแพ้ง่ายนั้น หากไม่ใส่ใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิว รวมถึงไม่ได้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นต่างๆ  ย่อมทำให้เกิดการกำเริบของอาการแพ้ได้โดยง่าย ดังนั้น เมื่อทราบว่าตนเองมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย จึงควรปฏิบัติตนดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดการกำเริบของผื่นแพ้ดังที่กล่าวมาข้างต้น ให้ลองฝึกสังเกตว่าอาการแพ้ผื่น สิวผด คัน ลอก ขุย ฯลฯ มาเมื่อคุณทำพฤติกรรมใด แล้วทดลองหยุดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น เช่น เปลี่ยนครีมทาหน้าใหม่ เปลี่ยนน้ำหอม เปลี่ยนอาหารการกิน วิตามินหรือยา? เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ที่นอน หรือสภาพอากาศ แล้วหันมาใช้ครีมบำรุง เลือกใช้เอสเซ้นส์และเซรั่มที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ปราศจากน้ำหอม ไม่มีการแต่งสี สารเคมีที่ก่อให้เกิดการอุดตัน และสำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  2. หลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวจะทำให้ร่างกายมีเหงื่อออก และสภาพอากาศที่เย็นจัดซึ่งมีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดผื่นคันได้
  3. หลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดด บางคนเมื่ออกแดดรู้สึกว่าผิวมีอาการระคายเคือง เกิดอาการคันนั้น อาจเกิดจากผิวหน้ามีอาการแพ้แดด โดยอาการจะคล้ายคลึงกับอาการผิวแพ้ง่ายทั่วไป พบร่วมกับอาการผิวแดง คัน อาจมีตุ่ม ผื่น หรือพุพองร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรังสียูวี ดังนั้นจึงควรหมั่นทาครีมกันแดดในช่วงระหว่าง 10.00 – 15.00 น. โดยควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายปราศจากสารระคายเคืองผิว เช่น น้ำหอม แนะนำควรเลือกครีมกันแดดแบบเนื้อเจลที่ปราศจากความมันทำให้ผิวรู้สึกสดชื่น เนียนนุ่ม และไม่ก่อให้เกิดสิว โดยเลือกค่า SPF ตั้งแต่ 40 PA+++ ขึ้นไป เพื่อการปกป้องทั้งรังสียูวีเอและยูวีบีในช่วงกว้าง ไม่เสื่อมสลายเร็วเมื่อโดนแสง
  4. รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง โดยการหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือการอาบน้ำที่บ่อยจนเกินไปซึ่งอาจทำให้เกิดผิวแห้งได้ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่มีภาวะผิวแพ้ง่ายและผิวแห้ง การป้องกันความแห้งของผิวโดยการใช้สารเคลือบผิวเป็นสิ่งที่แนะนำ สารเคลือบผิวดังกล่าวอาจเป็นครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวที่มีความอ่อนโยนกับผิวแพ้ง่ายและปราศจากน้ำหอม หรือในกรณีที่ผิวมีความแห้งมากอาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นน้ำมันเคลือบผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์เคลือบผิวเหล่านี้มีการแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์หลังการอาบน้ำและซับผิวหรือเช็ดตัวภายในระยะเวลา 3-5 นาที เพื่อให้เกิดการปกคลุมผิวในช่วงที่ผิวยังมีความชุ่มชื้นอยู่ และเช่นเดียวกับผิวหน้าที่คุณต้องทราบว่าควรล้างหน้าบ่อยแค่ไหน เพราะการล้างหน้ามากครั้งเกินความจำเป็น ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงเพื่อความชุ่มชื้นผิว
  5. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้เพื่อการทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวที่ไม่ก่อการระคายเคือง โดยเลือกครีมที่มีค่า PH ใกล้เคียงกับผิว ใส่ใจตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า ที่อ่อนโยนแม้ผิวที่บอบบางปราศจากสารสบู่ มีค่าใกล้เคียงกับน้ำ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้หน้าไม่แห้งตึง หลังจากล้างหน้า และสำหรับครีมบำรุงควรเลือกครีมที่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของตัวการหลักที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ได้แก่ สี น้ำหอม และสารกันเสีย
  6. งดการขัดผิว และทำทรีทเม้นท์บนใบหน้าในช่วงที่ผิวไม่แข็งแรง เพราะการขัดผิวหน้า จะทำให้ชั้นไขมันปกป้องผิว (Skin lipid barrier) ถูกทำลาย ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้นไปอีก
  7. ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เนื้อโปร่งสบาย ระบายอากาศได้ง่าย เช่น ผ้าฝ้าย และหลีกเลี่ยงผ้าที่มีเนื้อหนาและหยาบ
  8. ห่างไกลเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และบุหรี่ งานวิจัยหลายฉบับพบว่าการสูบบุหรี่มีผลเสียต่อผิว ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ปัญหาสิว และเป็นต้นตอของมะเร็วผิวหนัง เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระทำลายโครงสร้างของผิวในชั้นเซลส์ ทั้งยังลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในส่วนของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์นั้น จะส่งผลให้ร่างกายปัสสาวะบ่อย ขาดน้ำ ทั้งยังทำให้ร่างกายขาดวิตามินบีทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการคันตามผิวหนัง ยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดการเกา ทำให้อาการแพ้ลุกลาม
  9. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส หลีกเลี่ยงความเครียดและความวิตกกังวล รวมถึงรักษาสุขอนามัยส่วนตัวโดยการตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการเกาบริเวณที่มีผื่นคัน

อ้างอิง :