หน้ามัน เพราะล้างหน้า? ความจริงแล้วควรล้างหน้าบ่อยแค่ไหนถึงจะดี

ยิ่งล้างหน้า หน้ายิ่งมัน?

อะไรก็ตามที่ ‘มากไป’​ ย่อมไม่ส่งผลดี การทำความสะอาดผิวหน้าบ่อยๆ ก็เช่นกัน ด้วยความเชื่อเดิมๆ ที่ว่า หากผิวหรือ หน้ามัน ยิ่งต้องล้างหน้าบ่อยๆ และใช้เวลานานๆ ผิวหน้าจึงจะสะอาด ความจริงแล้วการล้างหน้าบ่อยและนานไม่ได้ทำให้ความมันส่วนเกินบนผิวหน้าหายไปได้ ยิ่งแต่จะทำให้ผิวหน้ามีความมันมากขึ้น เนื่องจากการล้างหน้ามากเกินไปจะทำให้ความชุ่มชื้นบนผิวหน้าหายไปด้วย เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นก็จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันเร่งการผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมากขึ้น

น้ำมันที่ถูกผลิตออกมาจะไปชดเชยกับความชุ่มชื้นที่ขาดหายไป อีกทั้งยังเป็นกลไกการป้องกันผิวจากความร้อนด้วย หากไม่มีความชุ่มชื้นบนผิว ผิวก็จะต้องสร้างความชุ่มชื้นใหม่ขึ้นมาเอง เพื่อให้ผิวปลอดภัย ซึ่งความชุ่มชื้นที่ผิวผลิตขึ้นมาก็คือความมันที่มาจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังนั่นเอง ซึ่งปัญหาหน้ามันนี้จะส่งผลให้เกิดปัญหาผิวอุดตัน ผิวบอบบางเป็นสิวง่ายตามมาอีก

ยิ่งล้างหน้า หน้ายิ่งมัน?

เวลาที่เหมาะสมในการล้างหน้า

เคล็ดลับทำความสะอาดผิวที่เหมาะกับการดูแลรักษาผิวที่ดีที่สุด ควรอยู่ที่ประมาณ 60 วินาที ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมในการล้างหน้าที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปและเพียงพอแล้ว อ้างอิงจาก ดอริส เดย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และเจ้าของคลินิกผิวหนัง NYU Langone Health ชื่อดังในนิวยอร์ก รวมถึงเป็นเจ้าของหนังสือ Beyond Beautiful: Using the Power of Your Mind and Aesthetic Breakthroughs to Look Naturally Young and Radiant (พลังของการเปลี่ยนความคิดเพื่อพัฒนาด้านความงามให้คุณแลดูอ่อนเยาว์และเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ) ได้แนะนำในการดูแลผิวหน้าว่า “เราต่างรู้ว่าตลอดทั้งวันผิวของเราต้องเจอกับมลภาวะรอบด้าน และสะสมอยู่บนผิวหนังของคนเรา ยิ่งถ้าคุณเป็นคนแต่งหน้า แล้วไม่ได้ล้างออกให้หมดจด จะเป็นภัยต่อผิวอย่างแน่นอน การล้างหน้าควรใช้เวลาประมาณ 60 วินาที ไม่เกินนั้น”

แล้วอากาศประเทศไทยนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่ทันพ้นครั้งวันหน้าเยิ้มหน้ามันระนาว ไม่ล้างหน้าก็คงไม่ไหว ถ้าล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้งขึ้นไป จะเป็นอะไรไหม สามารถทำได้หรือไม่? ทำได้แต่ไม่ควรทำบ่อยเพราะการล้างหน้าที่บ่อยเกินไปจะยิ่งเป็นการทำร้ายเกราะป้องกันผิวและทำลายน้ำมันธรรมชาติบนผิวให้หมดไป หากทำเป็นประจำนอกจากจะรู้สึกว่าหน้ามันแล้ว ยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นด้วย นั่นคือ ผิวแห้งกว่าเดิมมาก มีอาการระคายเคืองจากสิ่งภายนอกได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมันอยู่แล้ว เมื่อล้างหน้าสะอาดเกินไปน้ำมันธรรมชาติบนผิวไม่เหลือ ผิวก็จะมีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม เพราะผิวขาดสมดุล จึงเป็นคำตอบว่าทำไมคนหน้ามันยิ่งล้างหน้าบ่อย หน้าก็ยิ่งมันกว่าเดิม

การล้างหน้า 2 ครั้ง ต่อวัน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดผิว คือ ช่วงตอนเช้าหลังตื่นนอน และตอนเย็นก่อนเข้านอน เท่านี้ก็เพียงพอต่อการทำความสะอาดแล้ว ในตอนเช้าหลังตื่นนอนเรามักพบว่าผิวหน้ามักมีความมันมากกว่าปกติ นั่นก็เพราะระหว่างที่ร่างกายได้พักผ่อนในตอนกลางคืนต่อมไขมันก็ยังคงมีการทำงานอยู่ ทำให้ตื่นมาตอนเช้าผิวหน้าจึงมีความมันมากกว่าปกติ สำหรับระหว่างวันที่ต้องออกไปทำงาน หรือ ออกไปทำธุระนอกบ้าน ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้กับมลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ควัน แสงแดด รวมไปถึงเมคอัพต่างๆ ที่ใช้ การทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ การมีคลีนเซอร์ล้างหน้าดีๆ ในช่วงเย็นเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อที่จะทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เราเจอมาในวันนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับว่าเหมาะในการดูแลผิวสำหรับคนไม่ชอบแต่งหน้าอีกด้วย

 

เพิ่มประสิทธิภาพในการล้างหน้า

นอกจากเวลาล้างหน้าที่เหมาะสมแล้ว หากคุณรู้ตัวว่าเป็นคนที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำยิ่งไม่ควรมองข้ามการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ซึ่งการล้างให้คราบเครื่องสำอางและไขมันต่าง ๆ ใช้เพียงแค่คลีนเซอร์อาจไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณอาจจะต้องใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้า หรือถ้ารู้สึกว่าแผ่นเช็ดเครื่องสำอางทำให้ผิวแห้งเกินไป ก็สามารถใช้ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวด้วยการเทใส่มือเล็กน้อย จากนั้นนวดให้ทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอแล้วใช้แผ่นสำลีเช็ดออก กรดไขมันดีในน้ำมันมะพร้าวจะช่วยขจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกตกค้างก่อนที่จะล้างหน้าด้วยโฟมเป็นขั้นตอนต่อไป

 

เวลาที่เหมาะสมในการล้างหน้า

นอกจากจะรู้ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล้างหน้าแล้ว การเลือกคลีนเซอร์โฟมล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าก็มีความสำคัญ เพราะในปัจจุบันมีคลีนเซอร์หลายชนิด เช่น เนื้อน้ำนม, เนื้อครีม, เนื้อเจล  เรารู้แล้วว่าผิวต้องการความชุ่มชื้นตลอดเวลา อาจต้องใช้ความพิถีพิถันในการเลือกคลีนเซอร์ชนิดที่เหมาะกับผิวอีกสักหน่อย ถ้าเป็นไปได้ด้วยเลือกตัวที่เพิ่มมอยส์เจอร์ไรเซอร์มาด้วย คุณสมบัตินี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังล้างหน้า นอกจากนี้ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ตรงจุดนี้ก็จะทำให้ต่อมไขมันไม่จำเป็นต้องเร่งผลิตน้ำมันขึ้นมาเคลือบที่ผิวอีก

 อ้างอิง :